ภาพรวมตลาด
ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังจับตาการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 12 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนแรงกดดันจากภาษีศุลกากรที่เริ่มส่งผลต่อราคาสินค้าในหลายหมวด นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ประเมินว่า CPI รวมจะปรับขึ้น 0.2% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ Core CPI ซึ่งตัดหมวดอาหารและพลังงานออก คาดว่าจะขยับขึ้น 0.3% รายเดือน และ 3.0% รายปี ตัวเลขดังกล่าวอาจถือเป็นการเร่งตัวของเงินเฟ้อพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี
แรงหนุนเงินเฟ้อรอบนี้ส่วนหนึ่งมาจากราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาษี เช่น เครื่องใช้ในบ้าน สินค้าเพื่อการพักผ่อน และราคารถยนต์มือสองที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันเบนซินที่ลดลงอาจช่วยจำกัดการเพิ่มขึ้นของ CPI รวม ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อภาคบริการเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว หากการปรับขึ้นของราคายังจำกัดอยู่ในหมวดสินค้าเพียงบางส่วน ก็อาจเปิดช่องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
แม้ว่าภาคการบริโภคยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากแรงกระตุ้นของแคมเปญลดราคาช่วง Prime Day และโปรโมชั่นรถยนต์ แต่ภาพรวมตลาดแรงงานกลับสะท้อนความอ่อนแรง การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และอัตราการว่างงานปรับขึ้นสู่ 4.2% การปรับทบทวนตัวเลขจ้างงานในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาให้ลดลง บวกกับการชะลอการจ้างงานในหลายอุตสาหกรรม อาจเป็นแรงกดดันให้ Fed ต้องเร่งผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วกว่าที่เคยวางแผน
นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นพ้องกันว่า หากตัวเลข CPI ออกมาตรงหรือต่ำกว่าคาด ความเป็นไปได้ที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายนยังสูงถึง 95% ตามการประเมินของเครื่องมือ CME FedWatch และมีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะลดอีกครั้งในเดือนตุลาคม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของแนวโน้มเงินเฟ้อและการจ้างงาน ในระยะถัดไป ทิศทางนโยบายของ Fed จะขึ้นอยู่กับว่าการเร่งตัวของเงินเฟ้อครั้งนี้เป็นเพียงผลกระทบชั่วคราวจากภาษีศุลกากร หรือจะกลายเป็นแรงกดดันถาวร หากเงินเฟ้อภาคบริการกลับมาขยายตัวเร็ว อาจทำให้ Fed ต้องชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อป้องกันไม่ให้แรงกดดันด้านราคาฝังราก แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง การผ่อนคลายอาจเกิดขึ้นเร็วและแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
EURUSD
ราคายังคงเคลื่อนไหวลงมาทดสอบกรอบแนวรับสีแดง แต่ยังไม่สามารถทะลุลงไปได้ แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงหนุนอยู่บริเวณนี้ ขณะเดียวกันโครงสร้างราคายังเคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบเทรนด์ไลน์ขาขึ้น ทำให้ภาพรวมยังเอื้อต่อโอกาสการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง หากแรงซื้อยังต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญด้านบนอีกครั้ง โดยแนวต้านถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1.18082 และ 1.19870 ตามลำดับ
EURUSD (H4)



