วิธีการเทรดในช่วงสะสมราคาช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตั้งจุด stop-loss ที่แคบได้ โดยวางไว้บริเวณนอกกรอบราคา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ ช่วงสะสมราคานี้ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคำสั่งซื้อขายที่มีการวางแผนมาอย่างดี
ประเภทของช่วงสะสมราคาในตลาดฟอเร็กซ์
ช่วงสะสมราคามีหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันตามรูปร่างของรูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบจะมีศักยภาพในการทะลุกรอบที่แตกต่างกันไป
รูปแบบสี่เหลี่ยม (Rectangular Range) มีลักษณะเป็นเส้นแนวนอนที่แสดงแนวรับและแนวต้านภายในกรอบ โดยมีขอบเขตที่ชัดเจน รูปแบบนี้มักพบเห็นบ่อยในคู่สกุลเงินหลัก เช่น EURUSD
รูปแบบสามเหลี่ยมแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ขณะที่ตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ โดยสามารถแบ่งได้เป็นสามเหลี่ยมสมมาตร สามเหลี่ยมขึ้น และสามเหลี่ยมลง สามเหลี่ยมขึ้นจะเกิดขึ้นเมื่อราคาสูงสุดอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแต่ราคาต่ำสุดสูงขึ้นเรื่อย ๆ มักเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่สามเหลี่ยมลงจะตรงกันข้าม โดยราคาต่ำสุดอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแต่ราคาสูงสุดลดลงเรื่อย ๆ มักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง สำหรับสามเหลี่ยมสมมาตรนั้นสามารถเกิดการทะลุกรอบได้ทั้งสองทิศทาง เนื่องจากมันแสดงถึงภาวะสมดุลของตลาด
รูปแบบธง (Flags) และธงสามเหลี่ยม (Pennants) เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นหลังแนวโน้มเคลื่อนไหวรุนแรง ซึ่งแสดงถึงช่วงสะสมราคาระยะสั้น รูปแบบเหล่านี้จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อช่วงสะสมราคามีความเสถียรและแนวโน้มก่อนหน้านี้มีความแข็งแกร่ง โดยมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวโน้มเดิมจะยังคงดำเนินต่อไป
รูปแบบลิ่ม (Wedges) มีลักษณะเป็นการบีบตัวของราคาที่ช้าแต่รุนแรงกว่า โดยอาจเกิดการทะลุกรอบได้ทั้งสองทิศทาง เส้นแนวโน้มจะแสดงให้เห็นว่าราคาสูงสุดและต่ำสุดกำลังเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงในอัตราที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดการลู่เข้าจนกลายเป็นรูปลิ่ม นักวิเคราะห์มองว่าเส้นแนวโน้มในรูปแบบลิ่มเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น
ช่วงความผันผวนต่ำเกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ในช่วงนี้สินทรัพย์อาจไม่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ช่วยป้องกันจากภาวะเงินเฟ้อและการเสื่อมค่าได้
วิธีการระบุช่วงสะสมราคา
การระบุช่วงสะสมราคาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบเมื่อเกิดการทะลุกรอบ มีสัญญาณสำคัญบางประการ ได้แก่:
Bollinger Bands ที่แบนและแคบลงจะบ่งชี้ถึงความผันผวนที่ลดลง โดยราคาตกลงอยู่ระหว่างแถบทั้งสอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดพร้อมที่จะเคลื่อนตัวต่อ
ADX ตกลงต่ำกว่า 20 บ่งชี้ถึงการไม่มีแนวโน้ม หากคุณเห็น ADX ลดลงและการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ในแนวนอน นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของช่วงสะสมราคา
Moving averagesเริ่มเรียบขึ้น ราคาผันผวนระหว่างจุดต่ำและจุดสูงโดยไม่เกิดการทะลุกรอบ ยิ่งอยู่ในสภาพนี้นาน ๆ โอกาสเกิดการทะลุกรอบครั้งใหญ่ก็ยิ่งสูง
ปริมาณการซื้อขายในตลาดลดลงเนื่องจากเทรดเดอร์มีกิจกรรมน้อยลงและมีผู้เล่นในตลาดลดลง เพราะทุกคนต่างรอให้เกิดการทะลุกรอบ
ค่า RSI ใกล้ 50 บ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
จุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น บีบราคาเข้าให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งกำลังบ่งชี้ถึงสัญญาณของการทะลุกรอบที่ใกล้เข้ามา
แท่งเทียนใหม่ที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า ซึ่งบ่งบอกถึงความผันผวนต่ำและความไม่แน่ใจของผู้เล่นในตลาด
โปรดใช้สัญญาณเหล่านี้ร่วมกันเพื่อการระบุรูปแบบช่วงสะสมราคาที่มีความแม่นยำสูงสุด
กลยุทธ์การซื้อขายในช่วงสะสมราคา
มีสองกลยุทธ์หลักสำหรับการเทรดช่วงสะสมราคา

• รอให้เกิดการทะลุออกจากช่วงสะสมราคาก่อน โดยใช้สัญญาณต่าง ๆ ตามที่กล่าวไปแล้ว เช่น Bollinger Bands, ADX, RSI, ปริมาณการซื้อขายต่ำ และตัวบ่งชี้อื่น ๆ เพื่อระบุช่วงสะสมราคา อย่าเข้าเทรดจนกว่าราคาจะทะลุออกจากช่วงนี้
• หาจุดที่ปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นหรือแท่งเทียนปิดนอกช่วง สิ่งนี้ให้สัญญาณว่าเทรดเดอร์เริ่มมีกิจกรรมและให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว คุณสามารถรอให้แท่งเทียนปิดเหนือแนวต้าน(สำหรับสถานะ long) หรือใต้แนวรับ (สำหรับสถานะ short) เพื่อช่วยกรองสัญญาณหลอก
• ตรวจสอบการประกาศข่าว การเทรดแบบเบรกเอาต์จะได้ผลดีที่สุดเมื่อการเคลื่อนไหวนั้นถูกขับเคลื่อนโดยข่าวและเหตุการณ์ต่าง ๆ
• จับคู่ข้อมูลกับปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์ความผันผวน ติดตามรายงานทางการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และอื่น ๆ

• ซื้อใกล้แนวรับ ขายใกล้แนวต้าน หาช่วงราคาที่เคลื่อนไหวในกรอบระหว่างแนวรับและแนวต้าน โดยมีเป้าหมายคือการซื้อต่ำและขายสูง วิธีนี้ได้ผลเพราะในช่วงสะสมราคา โดยราคามักจะกลับมาบริเวณกึ่งกลางกรอบหลังจากที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุด
• ใช้ได้ดีที่สุดในช่วงที่ไม่มีข่าวสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงช่วงก่อนประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เพราะอาจทำให้ราคาทะลุออกกรอบ โดยกลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดที่เงียบสงบ
• ยืนยันสัญญาณด้วย RSI Divergence หรือการทะลุหลอก ถ้าราคาทำจุดต่ำใหม่ที่แนวรับแต่ RSI ทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น นี่เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น ส่วนการทะลุหลอก คือการที่ราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านออกไปได้ชั่วคราว แต่แล้วก็เคลื่อนตัวกลับเข้ามาในกรอบอย่างรวดเร็ว
• ใช้ได้ดีกับคู่เงิน EURCHF และ AUDNZD เพราะคู่เงินเหล่านี้เคลื่อนไหวช้า คู่เงินเหล่านี้มักมีการเคลื่อนไหวภายในกรอบเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้กลยุทธ์การกลับสู่ค่าเฉลี่ย (mean reversion) มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
เคล็ดลับในการเปิดและปิดสถานะในช่วงสะสมราคา
นี่คือขั้นตอนโดยละเอียดของทั้งสองกลยุทธ์
1. เทรดเดอร์ที่เทรดการทะลุกรอบ
• เปิดสถานะ ซื้อเมื่อราคาปิดเทียนเหนือแนวต้านเ หรือเปิดสถานะขายเมื่อราคาปิดใต้แนวรับ แท่งเทียนที่ทะลุออกไปควรมีเนื้อเทียนที่ชัดเจนและใหญ่ ส่วนไส้เทียนก็ไม่ควรยาว ไม่ควรเปิดสถานะในตอนที่ราคาเพิ่งทะลุออกไป เพราะนั่นอาจเป็นการทะลุหลอก
• Stop-loss (SL): วางจุด stop-loss ไว้ภายในช่วงราคาเดิมที่ราคาไม่ควรกลับเข้ามาหากการทะลุกรอบนั้นเป็นของจริง จุด stop-loss ของสถานะซื้อควรอยู่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุด และของสถานะขายควรอยู่สูงกว่าจุดสูงสุดล่าสุด หากไม่แน่ใจ ให้วาง stop-loss ห่างจากจุดทะลุกรอบประมาณ 1-2 แท่งเทียน ซึ่งมันใกล้พอที่จะตัดขาดทุนได้เร็ว และไกลพอที่จะหลีกเลี่ยงการดึงกลับของราคาตามปกติ
• Take Profit (TP): ใช้วิธีกำหนดอัตราส่วนผลตอบแทนต่อตวามเสี่ยงที่แน่นอน โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1.5:1 หรือ 2:1 ตัวอย่างเช่น หากคุณเสี่ยง 20 pip ให้ตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 30-40 pip แต่หากระดับแนวรับ/แนวต้านหลักต่อไปอยู่ใกล้หรือไกลกว่านั้น ให้ปรับจุด take-profit ให้เหมาะสม เพราะโครงสร้างตลาดมีความสำคัญมากกว่าตัวเลขที่กำหนดไว้เสมอ
2. เทรดเดอร์ที่เทรดช่วงสะสมราคา
• เปิดสถานะ: รอให้ราคาไปถึงแนวต้านหรือแนวรับ และมองหาสัญญาณการเด้งกลับ เช่น แท่งเทียน Pin Bar (มีไส้เทียนยาวเด้งออกจากระดับ), แท่งเทียน Tweezer (แท่งเทียนสองแท่งที่มีจุดสูงสุดหรือต่ำสุดเท่ากัน), หรือ แท่งเทียน Engulfing (แท่งเทียนที่กลืนทั้งหมดตัวแท่งเทียนก่อนหน้าในทิศทางตรงข้าม) ให้เปิดสถานะ Short ที่แนวต้าน หรือสถานะ Long ที่แนวรับ หลังจากที่แท่งเทียนที่เด้งกลับปิดแล้ว
• Stop-loss (SL): วางจุด Stop-loss เหนือจุดสูงสุดของไส้เทียนที่เด้งกลับ (หากเปิดสถานะ Short) หรือใต้จุดต่ำสุดของไส้เทียน (หากเปิดสถานะ Long) เพื่อให้คำสั่งซื้อขายมีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนตัว แต่ยังคงการป้องกันในกรณีที่เกิดการทะลุกรอบจริง
• Take-profit (TP): มีสองเป้าหมาย เป้าหมายแรกคือกลางกรอบที่ราคามักจะเด้งกลับก่อนไปถึงอีกฝั่ง เป้าหมายที่สองคืออีกฝั่งของกรอบ ถ้าราคาแสดงความแข็งแกร่งด้วยการเคลื่อนที่ต่อในทิศทางนั้น คุณสามารถปิดสถานะไปครึ่งหนึ่งที่เป้าหมายแรก แล้วปล่อยส่วนที่เหลือไปยังเป้าหมายที่สองสำหรับแนวทางที่สมดุล
ความผิดพลาดทั่วไปและการจัดการความเสี่ยงในช่วงสะสมราคา
เข้าเทรดเร็วเกินไปโดยไม่รอการยืนยัน เกิดเมื่อเทรดเดอร์เปิดสถานะทันทีที่ราคาสัมผัสระดับแนวรับ/แนวต้าน โดยไม่รอสัญญาณยืนยัน ช่วงสะสมราคามักหลอกตา โดยราคาอาจวกกลับเข้าช่วงเดิมและทำให้ถูกตัดขาดทุน
การเทรดมากเกินไป เกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์เปิดสถานะทุกครั้งที่ราคาเข้าใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้าน โดยเฉพาะหลังเกิดการทะลุหลอก การเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดแต่ละครั้งจะทำให้เงินทุนลดลง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจำกัดจำนวนครั้งที่เทรด เช่น ไม่ควรเทรดเกิน 2-3 ครั้งต่อหนึ่งช่วง
ไม่มีการตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย เกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ทำการเทรดการทะลถกรอบโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ โดยปกติแล้ว การทะลุกรอบที่ไม่มีปริมาณการซื้อขายมากเพียงพอจะหายไปอย่างรวดเร็วและเกิดการกลับตัว เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนี้ ควรสังเกตดูแท่งเทียนที่ใหญ่กว่าและการเคลื่อนไหวของราคาที่เร็วขึ้นก่อนเปิดสถานะ
การเพิกเฉยต่อโครงสร้าง คือเมื่อเทรดเดอร์เทรดในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยจุดสูงสุดและจุดสูง/ต่ำที่ไม่สม่ำเสมอ ในตลาดที่มีลักษณะแบบนั้น ทั้ง SL (จุดตัดขาดทุน) และ TP (จุดทำกำไร) จะถูกกำหนดแบบสุ่ม ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด ควรเทรดเฉพาะในกรอบที่เกิดการแตะระดับที่ชัดเจนและซ้ำ ๆ (ควรแตะอย่างน้อย 3 ครั้งทั้งสองด้าน)
การไม่ตั้ง Stop-Loss อาจทำให้ตลาดที่ผันผวนค่อย ๆ ทำลายพอร์ตด้วยการขาดทุนเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ ควรตั้ง Stop-Loss เสมอ เพื่อให้ในกรณีที่ผิดพลาด การขาดทุนจะยังอยู่ภายใต้การควบคุม
เคล็ดลับการควบคุมความเสี่ยง
ใช้ขนาดสถานะที่เล็กลงในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบ ช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบอาจคาดเดาได้ยาก เนื่องจากอาจมีการกลับตัวอย่างรวดเร็วหรือเกิดการทะลุหลอก ควรลดขนาดล็อตเพื่อจำกัดความเสียหายหากเกิดการขาดทุน
รอแท่งแทัยนยืนยัน เพราะการเข้าซ้อขายก่อนที่แท่งเทียนจะปิดหรือก่อนมีปริมาณการซื้อขายยืนยัน มักนำไปสู่การกลับตัวอย่างรวดเร็ว ให้เข้าซื้อขายเฉพาะเมื่อมีสัญญาณยืนยันที่ชัดเจนและหลังจากที่แท่งเทียนปิดแล้ว
ลดจำนวนคู่เงินที่จะเทรดลง โดยเลือกเฉพาะคู่ที่มีโครงสร้างชัดเจน การเทรดหลายคู่จะสร้างสัญญาณรบกวนมากขึ้น โฟกัสแค่ 1-3 คู่ที่เห็นระดับสูง-ต่ำของช่วงชัดเจน และมีจุดสัมผัสหลายครั้งอย่างชัดเจน
กำหนด R:R ของคุณเองเสมอ: อย่าใช้ R:R ที่ใหญ่เกินไป ในช่วงสะสมราคา ราคามักเคลื่อนไหวแบบกระโดดไปมาแบบเล็ก ๆ ดังนั้นเป้าหมาย TP ที่ไม่สมจริงจะไม่บรรลุผล ก่อนเปิดสถานะ ต้องกำหนด stop-loss ที่แม่นยำและ take-profit ที่สมจริง เพราะแม้แต่ R:R 1.2:1 หรือ 1.5:1 ก็ใช้ได้หากการตั้งค่ามีโอกาสสำเร็จสูง