เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

21 ส.ค. 2025

กลยุทธ์

ช่วงสะสมราคา (Consolidation) คืออะไรในการเทรดฟอเร็กซ์?

ในบทความนี้
ช่วงสะสมราคา (Consolidation) คืออะไรในการเทรดฟอเร็กซ์?เหตุใดช่วงสะสมราคาจึงมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์ประเภทของช่วงสะสมราคาในตลาดฟอเร็กซ์วิธีการระบุช่วงสะสมราคากลยุทธ์การซื้อขายในช่วงสะสมราคาเคล็ดลับในการเปิดและปิดสถานะในช่วงสะสมราคาความผิดพลาดทั่วไปและการจัดการความเสี่ยงในช่วงสะสมราคา
ช่วงสะสมราคา (Consolidation) คืออะไรในการเทรดฟอเร็กซ์?

ช่วงสะสมราคา (Consolidation) คืออะไรในการเทรดฟอเร็กซ์?

ในตลาดฟอเร็กซ์ บางครั้งตลาดอาจเกิดความลังเลและหยุดนิ่ง ช่วงเวลานี้เรียกว่าช่วงสะสมราคา (Consolidation) โดยปกติแล้วช่วงสะสมราคามักเกิดขึ้นหลังจากที่มีแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่แข็งแกร่ง โดยราคาจะไม่สามารถสร้างจุดสูงใหม่หรือต่ำใหม่ได้ ผู้ซื้อและผู้ขายต่างเลือกที่จะรอดูสถานการณ์ ทำให้ไม่มีฝ่ายใดโดดเด่นในตลาด

ช่วงสะสมราคามักเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการออกข่าวสำคัญ แถว ๆ บริเวณแนวรับแนวต้านสำคัญ กลางแนวโน้ม หรือใกล้จุดสูงสุด/ต่ำสุดก่อนการกลับตัว ช่วงสะสมราคานี้จะช่วยให้เทรดเดอร์รายใหญ่เข้ามาสะสมปริมาณการซื้อขายได้ในขณะที่ราคายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง

เหตุใดช่วงสะสมราคาจึงมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์

ช่วงสะสมราคาเป็นระยะที่เกิดขึ้นหลังแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เมื่อผู้เล่นในตลาดกำลังพยายามประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ และทบทวนราคาและแนนวโน้มอีกครั้ง ในช่วงนี้ ราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวรับและแนวต้าน โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างยังไม่แน่ใจในความแข็งแกร่งของตัวเองในตลาด

ช่วงสะสมราคาแสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังสะสมความตึงเครียด ซึ่งมักจะตามมาด้วยการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรุนแรง นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ที่จะเข้าตลาดด้วยความแม่นยำสูง แต่ถ้าเข้าตลาดเร็วเกินไป อาจเจอกับการทะลุหลอกและสัญญาณรบกวนที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลว ดงนั้น ควรรอให้กรอบราคาก่อตัวชัดเจน วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา และจับจังหวะการทะลุกรอบให้ดี การทำแบบนี้จะทำให้คุณได้เข้าตลาดก่อนเทรดเดอร์คนอื่น ๆ

วิธีการเทรดในช่วงสะสมราคาช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตั้งจุด stop-loss ที่แคบได้ โดยวางไว้บริเวณนอกกรอบราคา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ ช่วงสะสมราคานี้ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคำสั่งซื้อขายที่มีการวางแผนมาอย่างดี

ประเภทของช่วงสะสมราคาในตลาดฟอเร็กซ์

ช่วงสะสมราคามีหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันตามรูปร่างของรูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบจะมีศักยภาพในการทะลุกรอบที่แตกต่างกันไป

  1. รูปแบบสี่เหลี่ยม (Rectangular Range) มีลักษณะเป็นเส้นแนวนอนที่แสดงแนวรับและแนวต้านภายในกรอบ โดยมีขอบเขตที่ชัดเจน รูปแบบนี้มักพบเห็นบ่อยในคู่สกุลเงินหลัก เช่น EURUSD

  2. รูปแบบสามเหลี่ยมแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ขณะที่ตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ โดยสามารถแบ่งได้เป็นสามเหลี่ยมสมมาตร สามเหลี่ยมขึ้น และสามเหลี่ยมลง สามเหลี่ยมขึ้นจะเกิดขึ้นเมื่อราคาสูงสุดอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแต่ราคาต่ำสุดสูงขึ้นเรื่อย ๆ มักเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่สามเหลี่ยมลงจะตรงกันข้าม โดยราคาต่ำสุดอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแต่ราคาสูงสุดลดลงเรื่อย ๆ มักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง สำหรับสามเหลี่ยมสมมาตรนั้นสามารถเกิดการทะลุกรอบได้ทั้งสองทิศทาง เนื่องจากมันแสดงถึงภาวะสมดุลของตลาด

  3. รูปแบบธง (Flags) และธงสามเหลี่ยม (Pennants) เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นหลังแนวโน้มเคลื่อนไหวรุนแรง ซึ่งแสดงถึงช่วงสะสมราคาระยะสั้น รูปแบบเหล่านี้จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อช่วงสะสมราคามีความเสถียรและแนวโน้มก่อนหน้านี้มีความแข็งแกร่ง โดยมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวโน้มเดิมจะยังคงดำเนินต่อไป

  4. รูปแบบลิ่ม (Wedges) มีลักษณะเป็นการบีบตัวของราคาที่ช้าแต่รุนแรงกว่า โดยอาจเกิดการทะลุกรอบได้ทั้งสองทิศทาง เส้นแนวโน้มจะแสดงให้เห็นว่าราคาสูงสุดและต่ำสุดกำลังเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงในอัตราที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดการลู่เข้าจนกลายเป็นรูปลิ่ม นักวิเคราะห์มองว่าเส้นแนวโน้มในรูปแบบลิ่มเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น

  5. ช่วงความผันผวนต่ำเกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ในช่วงนี้สินทรัพย์อาจไม่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ช่วยป้องกันจากภาวะเงินเฟ้อและการเสื่อมค่าได้

วิธีการระบุช่วงสะสมราคา

การระบุช่วงสะสมราคาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบเมื่อเกิดการทะลุกรอบ มีสัญญาณสำคัญบางประการ ได้แก่:

  1. Bollinger Bands ที่แบนและแคบลงจะบ่งชี้ถึงความผันผวนที่ลดลง โดยราคาตกลงอยู่ระหว่างแถบทั้งสอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดพร้อมที่จะเคลื่อนตัวต่อ

  2. ADX ตกลงต่ำกว่า 20 บ่งชี้ถึงการไม่มีแนวโน้ม หากคุณเห็น ADX ลดลงและการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ในแนวนอน นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของช่วงสะสมราคา 

  3. Moving averagesเริ่มเรียบขึ้น ราคาผันผวนระหว่างจุดต่ำและจุดสูงโดยไม่เกิดการทะลุกรอบ ยิ่งอยู่ในสภาพนี้นาน ๆ โอกาสเกิดการทะลุกรอบครั้งใหญ่ก็ยิ่งสูง

  4. ปริมาณการซื้อขายในตลาดลดลงเนื่องจากเทรดเดอร์มีกิจกรรมน้อยลงและมีผู้เล่นในตลาดลดลง เพราะทุกคนต่างรอให้เกิดการทะลุกรอบ

  5. ค่า RSI ใกล้ 50 บ่งชี้ว่าไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน

  6. จุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น บีบราคาเข้าให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งกำลังบ่งชี้ถึงสัญญาณของการทะลุกรอบที่ใกล้เข้ามา

  7. แท่งเทียนใหม่ที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในช่วงของแท่งเทียนก่อนหน้า ซึ่งบ่งบอกถึงความผันผวนต่ำและความไม่แน่ใจของผู้เล่นในตลาด

โปรดใช้สัญญาณเหล่านี้ร่วมกันเพื่อการระบุรูปแบบช่วงสะสมราคาที่มีความแม่นยำสูงสุด

กลยุทธ์การซื้อขายในช่วงสะสมราคา

มีสองกลยุทธ์หลักสำหรับการเทรดช่วงสะสมราคา

1. การเทรดแบบเบรกเอาต์

การเทรดแบบเบรกเอาต์

• รอให้เกิดการทะลุออกจากช่วงสะสมราคาก่อน โดยใช้สัญญาณต่าง ๆ ตามที่กล่าวไปแล้ว เช่น Bollinger Bands, ADX, RSI, ปริมาณการซื้อขายต่ำ และตัวบ่งชี้อื่น ๆ เพื่อระบุช่วงสะสมราคา อย่าเข้าเทรดจนกว่าราคาจะทะลุออกจากช่วงนี้

• หาจุดที่ปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นหรือแท่งเทียนปิดนอกช่วง สิ่งนี้ให้สัญญาณว่าเทรดเดอร์เริ่มมีกิจกรรมและให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว คุณสามารถรอให้แท่งเทียนปิดเหนือแนวต้าน(สำหรับสถานะ long) หรือใต้แนวรับ (สำหรับสถานะ short) เพื่อช่วยกรองสัญญาณหลอก

• ตรวจสอบการประกาศข่าว การเทรดแบบเบรกเอาต์จะได้ผลดีที่สุดเมื่อการเคลื่อนไหวนั้นถูกขับเคลื่อนโดยข่าวและเหตุการณ์ต่าง ๆ

• จับคู่ข้อมูลกับปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์ความผันผวน ติดตามรายงานทางการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และอื่น ๆ

2. การกลับสู่ค่าเฉลี่ยภายในกรอบราคา

การกลับสู่ค่าเฉลี่ยภายในกรอบราคา

• ซื้อใกล้แนวรับ ขายใกล้แนวต้าน หาช่วงราคาที่เคลื่อนไหวในกรอบระหว่างแนวรับและแนวต้าน โดยมีเป้าหมายคือการซื้อต่ำและขายสูง วิธีนี้ได้ผลเพราะในช่วงสะสมราคา โดยราคามักจะกลับมาบริเวณกึ่งกลางกรอบหลังจากที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุด

• ใช้ได้ดีที่สุดในช่วงที่ไม่มีข่าวสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงช่วงก่อนประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เพราะอาจทำให้ราคาทะลุออกกรอบ โดยกลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดที่เงียบสงบ

• ยืนยันสัญญาณด้วย RSI Divergence หรือการทะลุหลอก ถ้าราคาทำจุดต่ำใหม่ที่แนวรับแต่ RSI ทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น นี่เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น ส่วนการทะลุหลอก คือการที่ราคาทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านออกไปได้ชั่วคราว แต่แล้วก็เคลื่อนตัวกลับเข้ามาในกรอบอย่างรวดเร็ว

• ใช้ได้ดีกับคู่เงิน EURCHF และ AUDNZD เพราะคู่เงินเหล่านี้เคลื่อนไหวช้า คู่เงินเหล่านี้มักมีการเคลื่อนไหวภายในกรอบเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้กลยุทธ์การกลับสู่ค่าเฉลี่ย (mean reversion) มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

เคล็ดลับในการเปิดและปิดสถานะในช่วงสะสมราคา

นี่คือขั้นตอนโดยละเอียดของทั้งสองกลยุทธ์

1. เทรดเดอร์ที่เทรดการทะลุกรอบ

เปิดสถานะ ซื้อเมื่อราคาปิดเทียนเหนือแนวต้านเ หรือเปิดสถานะขายเมื่อราคาปิดใต้แนวรับ แท่งเทียนที่ทะลุออกไปควรมีเนื้อเทียนที่ชัดเจนและใหญ่ ส่วนไส้เทียนก็ไม่ควรยาว ไม่ควรเปิดสถานะในตอนที่ราคาเพิ่งทะลุออกไป เพราะนั่นอาจเป็นการทะลุหลอก

Stop-loss (SL): วางจุด stop-loss ไว้ภายในช่วงราคาเดิมที่ราคาไม่ควรกลับเข้ามาหากการทะลุกรอบนั้นเป็นของจริง จุด stop-loss ของสถานะซื้อควรอยู่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุด และของสถานะขายควรอยู่สูงกว่าจุดสูงสุดล่าสุด หากไม่แน่ใจ ให้วาง stop-loss ห่างจากจุดทะลุกรอบประมาณ 1-2 แท่งเทียน ซึ่งมันใกล้พอที่จะตัดขาดทุนได้เร็ว และไกลพอที่จะหลีกเลี่ยงการดึงกลับของราคาตามปกติ

Take Profit (TP): ใช้วิธีกำหนดอัตราส่วนผลตอบแทนต่อตวามเสี่ยงที่แน่นอน โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1.5:1 หรือ 2:1 ตัวอย่างเช่น หากคุณเสี่ยง 20 pip ให้ตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 30-40 pip แต่หากระดับแนวรับ/แนวต้านหลักต่อไปอยู่ใกล้หรือไกลกว่านั้น ให้ปรับจุด take-profit ให้เหมาะสม เพราะโครงสร้างตลาดมีความสำคัญมากกว่าตัวเลขที่กำหนดไว้เสมอ

2. เทรดเดอร์ที่เทรดช่วงสะสมราคา

เปิดสถานะ: รอให้ราคาไปถึงแนวต้านหรือแนวรับ และมองหาสัญญาณการเด้งกลับ เช่น แท่งเทียน Pin Bar (มีไส้เทียนยาวเด้งออกจากระดับ), แท่งเทียน Tweezer (แท่งเทียนสองแท่งที่มีจุดสูงสุดหรือต่ำสุดเท่ากัน), หรือ แท่งเทียน Engulfing (แท่งเทียนที่กลืนทั้งหมดตัวแท่งเทียนก่อนหน้าในทิศทางตรงข้าม) ให้เปิดสถานะ Short ที่แนวต้าน หรือสถานะ Long ที่แนวรับ หลังจากที่แท่งเทียนที่เด้งกลับปิดแล้ว

Stop-loss (SL): วางจุด Stop-loss เหนือจุดสูงสุดของไส้เทียนที่เด้งกลับ (หากเปิดสถานะ Short) หรือใต้จุดต่ำสุดของไส้เทียน (หากเปิดสถานะ Long) เพื่อให้คำสั่งซื้อขายมีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนตัว แต่ยังคงการป้องกันในกรณีที่เกิดการทะลุกรอบจริง

Take-profit (TP): มีสองเป้าหมาย เป้าหมายแรกคือกลางกรอบที่ราคามักจะเด้งกลับก่อนไปถึงอีกฝั่ง เป้าหมายที่สองคืออีกฝั่งของกรอบ ถ้าราคาแสดงความแข็งแกร่งด้วยการเคลื่อนที่ต่อในทิศทางนั้น คุณสามารถปิดสถานะไปครึ่งหนึ่งที่เป้าหมายแรก แล้วปล่อยส่วนที่เหลือไปยังเป้าหมายที่สองสำหรับแนวทางที่สมดุล

ความผิดพลาดทั่วไปและการจัดการความเสี่ยงในช่วงสะสมราคา

  1. เข้าเทรดเร็วเกินไปโดยไม่รอการยืนยัน เกิดเมื่อเทรดเดอร์เปิดสถานะทันทีที่ราคาสัมผัสระดับแนวรับ/แนวต้าน โดยไม่รอสัญญาณยืนยัน ช่วงสะสมราคามักหลอกตา โดยราคาอาจวกกลับเข้าช่วงเดิมและทำให้ถูกตัดขาดทุน

  2. การเทรดมากเกินไป เกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์เปิดสถานะทุกครั้งที่ราคาเข้าใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้าน โดยเฉพาะหลังเกิดการทะลุหลอก การเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดแต่ละครั้งจะทำให้เงินทุนลดลง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจำกัดจำนวนครั้งที่เทรด เช่น ไม่ควรเทรดเกิน 2-3 ครั้งต่อหนึ่งช่วง

  3. ไม่มีการตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย เกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ทำการเทรดการทะลถกรอบโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ โดยปกติแล้ว การทะลุกรอบที่ไม่มีปริมาณการซื้อขายมากเพียงพอจะหายไปอย่างรวดเร็วและเกิดการกลับตัว เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนี้ ควรสังเกตดูแท่งเทียนที่ใหญ่กว่าและการเคลื่อนไหวของราคาที่เร็วขึ้นก่อนเปิดสถานะ

  4. การเพิกเฉยต่อโครงสร้าง คือเมื่อเทรดเดอร์เทรดในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยจุดสูงสุดและจุดสูง/ต่ำที่ไม่สม่ำเสมอ ในตลาดที่มีลักษณะแบบนั้น ทั้ง SL (จุดตัดขาดทุน) และ TP (จุดทำกำไร) จะถูกกำหนดแบบสุ่ม ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด ควรเทรดเฉพาะในกรอบที่เกิดการแตะระดับที่ชัดเจนและซ้ำ ๆ (ควรแตะอย่างน้อย 3 ครั้งทั้งสองด้าน)

  5. การไม่ตั้ง Stop-Loss อาจทำให้ตลาดที่ผันผวนค่อย ๆ ทำลายพอร์ตด้วยการขาดทุนเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ ควรตั้ง Stop-Loss เสมอ เพื่อให้ในกรณีที่ผิดพลาด การขาดทุนจะยังอยู่ภายใต้การควบคุม

เคล็ดลับการควบคุมความเสี่ยง

  1. ใช้ขนาดสถานะที่เล็กลงในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบ ช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบอาจคาดเดาได้ยาก เนื่องจากอาจมีการกลับตัวอย่างรวดเร็วหรือเกิดการทะลุหลอก ควรลดขนาดล็อตเพื่อจำกัดความเสียหายหากเกิดการขาดทุน

  2. รอแท่งแทัยนยืนยัน เพราะการเข้าซ้อขายก่อนที่แท่งเทียนจะปิดหรือก่อนมีปริมาณการซื้อขายยืนยัน มักนำไปสู่การกลับตัวอย่างรวดเร็ว ให้เข้าซื้อขายเฉพาะเมื่อมีสัญญาณยืนยันที่ชัดเจนและหลังจากที่แท่งเทียนปิดแล้ว

  3. ลดจำนวนคู่เงินที่จะเทรดลง โดยเลือกเฉพาะคู่ที่มีโครงสร้างชัดเจน การเทรดหลายคู่จะสร้างสัญญาณรบกวนมากขึ้น โฟกัสแค่ 1-3 คู่ที่เห็นระดับสูง-ต่ำของช่วงชัดเจน และมีจุดสัมผัสหลายครั้งอย่างชัดเจน

  4. กำหนด R:R ของคุณเองเสมอ: อย่าใช้ R:R ที่ใหญ่เกินไป ในช่วงสะสมราคา ราคามักเคลื่อนไหวแบบกระโดดไปมาแบบเล็ก ๆ ดังนั้นเป้าหมาย TP ที่ไม่สมจริงจะไม่บรรลุผล ก่อนเปิดสถานะ ต้องกำหนด stop-loss ที่แม่นยำและ take-profit ที่สมจริง เพราะแม้แต่ R:R 1.2:1 หรือ 1.5:1 ก็ใช้ได้หากการตั้งค่ามีโอกาสสำเร็จสูง

ช่วงสะสมราคาไม่ได้เป็นแค่ช่วงที่ตลาดชะลอตัว แต่ยังเป็นโอกาสเพิ่มเติมให้กับเทรดเดอร์อีกด้วย ราคาและรูปแบบจะถูกบีบอัด และสภาพคล่องจะเกิดการสะสมอยู่ใต้พื้นผิว สำหรับเทรดเดอร์ที่มีความอดทน ช่วงสะสมราคาอาจให้ผลตอบแทนได้ แต่ควรประเมินโครงสร้างและสัญญาณทั้งหมดของช่วงสะสมราคา และรอให้ตลาดเคลื่อนไหว จำไว้ว่าในตลาดฟอเร็กซ์ การหยุดพักไม่ใช่การพักผ่อน แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT4 บน
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT5 บน
App Store

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

ผลกระทบต่อสังคมของเรา

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: The Bentley, #16 Cor A Street & Princess Margaret Drive, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น