ภาพรวมตลาด
ดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าอีกครั้งหลังการประชุม FOMC ล่าสุด เมื่อประธานเฟด Jerome Powell ส่งสัญญาณชัดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมยังไม่มีข้อสรุปแน่นอน ท่าทีดังกล่าวสร้างความประหลาดใจต่อตลาดที่คาดหวังท่าทีผ่อนคลายมากกว่าเดิม และกลายเป็นชนวนให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นทันที ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในหลายคู่เงิน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยูโรที่ถูกกดดันจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ขยายกว้างขึ้น การที่เฟดยังไม่รีบร้อนลดดอกเบี้ย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งยังเติบโตได้ดีกว่ายุโรปอย่างชัดเจน ทำให้เงินดอลลาร์กลับมามีสถานะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าและดึงดูดกระแสเงินทุนจากทั่วโลกได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% ติดต่อกันเป็นครั้งที่สาม โดยประธาน Christine Lagarde ย้ำว่าธนาคาร “อยู่ในจุดที่เหมาะสม” และยังไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายในระยะสั้น ความเคลื่อนไหวนี้ยิ่งตอกย้ำความแตกต่างเชิงนโยบายกับฝั่งเฟดที่ยังคงระมัดระวังต่อการผ่อนคลาย ตลาดจึงเริ่มประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของ ECB อาจถูกเลื่อนออกไป โดยมีโอกาสเพียงราว 40% ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2026 ความคาดหวังที่ลดลงนี้สะท้อนว่าพื้นที่นโยบายการเงินของยุโรปกำลังแคบลง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังซบเซาและได้รับผลกระทบจากค่าเงินยูโรที่แข็งขึ้นกว่า 12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งยิ่งซ้ำเติมความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออกอย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของยูโรโซนก็ยังสะท้อนถึงภาพฟื้นตัวที่เปราะบาง ดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนสิงหาคมหดตัวลงเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านยูโร จาก 3 หมื่นล้านยูโรในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงการชะลอตัวของการส่งออกซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ยอดขายปลีกแม้จะขยับเพิ่มขึ้น 0.1% แต่ยังไม่เพียงพอที่จะสะท้อนการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ อัตราการว่างงานที่ขยับขึ้นเป็น 6.3% และช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกที่เริ่มกว้างขึ้น ล้วนเป็นสัญญาณว่าการฟื้นตัวของยูโรโซนยังไม่แข็งแรงพอจะหนุนค่าเงินยูโรให้กลับมาได้ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังรักษาโมเมนตัมเชิงบวกไว้ได้ดีกว่า
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซนจะชะลอลงสู่ระดับ 2.1% ใกล้กรอบเป้าหมายของ ECB ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ประธาน Lagarde ก็เตือนว่าแนวโน้มเงินเฟ้อยัง “ไม่แน่นอน” โดยเฉพาะเมื่อภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เริ่มกดดันการส่งออกและภาคการผลิตของยุโรป สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเติบโตที่ต่ำต่อเนื่อง ซึ่งยากจะสร้างแรงหนุนให้ค่าเงินยูโรฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง เมื่อประกอบกับท่าที “เหยี่ยว” ของเฟด และส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังเอื้อให้เงินไหลเข้าสหรัฐฯ คู่เงิน EURUSD จึงยังมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ โดยมีปัจจัยหนุนจากทั้งด้านนโยบายการเงิน เศรษฐกิจพื้นฐาน และความแตกต่างในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ยังชัดเจนระหว่างสองภูมิภาค
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
EURUSD
คู่เงิน EURUSD ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคายังอยู่ต่ำกว่ากรอบแนวต้านสีแดงซึ่งเป็นบริเวณสำคัญที่ตลาดไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ การเคลื่อนไหวในกรอบเทรนไลน์ขาลงยังคงมีความชัดเจนและเป็นระบบ สะท้อนถึงแรงขายที่ยังคงมีอิทธิพลในตลาด และบ่งบอกถึงภาวะการปรับฐานที่ยังไม่สิ้นสุดในระยะสั้น ขณะที่แรงซื้อที่พยายามดันราคากลับขึ้นยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนทิศทางหลักได้ ทั้งนี้แนวรับถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1.14064 ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดอาจเกิดแรงซื้อกลับระยะสั้นได้อีกครั้ง แต่หากราคาสามารถทะลุกรอบแนวต้านบริเวณ 1.16750 ขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณว่าโมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนแรงลง โดยแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 1.18593
EURUSD (DAILY)

