
รูปแบบ Quasimodo ในตลาดฟอเร็กซ์คืออะไร?
รูปแบบ Quasimodo (QM) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเทรดฟอเร็กซ์ เนื่องจากมันช่วยให้เทรดเดอร์สามารถหาจุดเข้าในระยะเริ่มแรกของแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดเกิดการกลับตัว
25 ส.ค. 2025
กลยุทธ์
รูปแบบ Quasimodo (QM) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเทรดฟอเร็กซ์ เนื่องจากมันช่วยให้เทรดเดอร์สามารถหาจุดเข้าในระยะเริ่มแรกของแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดเกิดการกลับตัว
รูปแบบ Quasimodo (QM) เป็นรูปแบบการกลับตัวซึ่งส่งสัญญาณการก่อตัวของแนวโน้มใหม่ หลังจากที่ราคาบรรลุถึงจุดต่ำสุดหรือสูงสุด โครงสร้างของ Quasimodo ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตั้งค่าจุด stop-loss ได้อย่างแม่นยำ และทำให้สามารถบันทึกการเคลื่อนไหวของแนวโน้มได้อย่างถูกต้อง
จะสามารถระบุรูปแบบ Quasimodo บนกราฟได้อย่างไร? รูปแบบนี้ประกอบด้วยยอดสามยอดเขาหรือก้นสามหุบเขาที่เด่นชัด ขึ้นอยู่กับว่ากราฟกำลังแสดงสถานการณ์ตลาดขาลงหรือขาขึ้น รูปแบบนี้ได้ชื่อตามตัวละครในนวนิยายของ Victor Hugo เนื่องจากลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สมมาตร
มีเงื่อนไขห้าประการสำหรับการก่อตัวของรูปแบบ Quasimodo
1. การเกิดจุดต่ำสุดที่ต่ำลงหรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้นพร้อมกับแนวโน้มขาลงหรือขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
2. เกิดการเบรกเอาต์หลอกของโครงสร้างก่อนหน้า ในตอนแรกดูเหมือนว่ามันจะทะลุผ่านไปได้ แต่หลังจากนั้นก็มีการดึงกลับ
3. การกลับตัวแบบรุนแรงจะช่วยยืนยันว่าการเบรกเอาต์นั้นล้มเหลว
4. การทดสอบโซนเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในจุดที่การเบรกเอาต์ล้มเหลว
5. สัญญาณเข้าจะเกิดขึ้นเมื่อราคากลับเข้าไปในโซนฐานอีกครั้ง
รูปแบบ Quasimodo มีสองประเภท: แบบขาลงและแบบขาขึ้น โดยในรูปแบบขาลง จุดสูงสุดจะอยู่ที่ยอดกลาง ส่วนยอดด้านทั้งสองข้างจะต่ำกว่าเล็กน้อย รูปแบบนี้จะส่งสัญญาณถึงแนวโน้มตลาดขาลงที่อาจเกิดขึ้น
การเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยรูปแบบ Quasimodo แบบขาขึ้น โดยในรูปแบบนี้จุดต่ำสุดจะอยู่ที่หุบเขากลาง ส่วนหุบเขาที่อยู่ด้านข้างทั้งสองจะสูงกว่าพอประมาณ
มีอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นรูปแบบ Quasimodo นั่นคือ รูปแบบ Head and Shoulders โดยทั้งสองรูปแบบล้วนเป็นโครงสร้างการกลับตัวที่มีสามยอดเขาหรือสามหุบเขา และมีส่วนหัวอยู่กลาง แต่ทั้งสองรูปแบบให้จุดเข้าและจุดออกที่แตกต่างกัน รวมถึงมีกลไกการทำงานที่ต่างกัน
รูปแบบ Head and Shoulders ในสภาวะตลาดขาลงจะมีจุดสูงสุดสามจุดและจุดต่ำสองจุด โดยจุดสูงสุดที่สองจะสูงที่สุด ส่วนในสภาวะตลาดขาขึ้นจะมีจุดต่ำสามจุดและจุดสูงสองจุด โดยจุดต่ำที่สองจะต่ำที่สุด ในการแยกแยะรูปแบบนี้ออกจากรูปแบบ QM ให้ลาก 'เส้นคอ' (neckline) โดยเชื่อมจุดต่ำสองจุดในโครงสร้างขาลง และเชื่อมจุดสูงสองจุดในโครงสร้างขาขึ้น หากเส้นที่ได้เป็นเส้นตรง แสดงว่านั่นเป็นรูปแบบ Head and Shoulders แต่หากเส้นเอียง นั่นก็จะเป็นรูปแบบ QM
รูปแบบ Quasimodo ขึ้นอยู่กับแนวคิดของจุดสูงสุดที่สูงขึ้นและจุดต่ำสุดที่ต่ำลง การกลับตัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนโครงสร้างของแนวโน้มก่อนหน้า หากคุณลากเส้นคอ (neckline) จะพบว่ามันเอียง จุดต่ำสุดที่สาม (ในกรณี Quasimodo แบบขาขึ้น) หรือจุดสูงสุดที่สาม (ในกรณี Quasimodo แบบขาลง) จะทะลุระดับก่อนหน้าแล้วจึงเกิดการกลับตัว
จุดเข้าเทรดแบบคลาสสิกในรูปแบบ Head and Shoulders เกิดขึ้นเมื่อเส้นไหล่ขวาทะลุเส้น 'คอ' (neckline) ในกรณีนี้ เทรดเดอร์มีโอกาสที่จะได้รับกำไรที่ค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากมีความเชื่อว่ามูลค่าราคาจะลดลงไม่ต่ำกว่าความสูงของส่วนหัว
รูปแบบ Quasimodo ช่วยให้เข้าเทรดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยทั่วไปจะเข้าเทรดก่อนที่จะถึงเส้นคอ ในระหว่างการทดสอบระดับโครงสร้างล่าสุดอีกครั้ง (จุด A) ซึ่งจะให้อัตราส่วน R:R ที่ดีกว่า แต่ต้องการความแม่นยำ โดยสันนิษฐานว่าราคาอาจเด้งจากจุดสูงสุดที่สอง ก่อตัวเป็นรูปแบบ และเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางของการกลับตัวที่คาดการณ์ไว้
ประเภทของรูปแบบ | โครงสร้าง | มุมมองต่อการเทรด |
รูปแบบ Quasimodo ขาลง | HH – LL – กลับไปทดสอบ | การตั้งค่าขาย |
รูปแบบ Quasimodo ขาขึ้น | LL – HH – กลับไปทดสอบ | การตั้งค่าซื้อ |
ในทั้งสองกรณี ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง จะมีการเบรกเอาต์โครงสร้างภายใน แล้วตามด้วยการกลับสู่ฐาน
1. รูปแบบ Quasimodo ขาขึ้น (Bullish Quasimodo) จะปรากฏขึ้นในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลง และส่งสัญญาณถึงการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้น ตลาดจะสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำลง (LL) และจุดสูงสุดที่ต่ำลง (LH) จุดต่ำสุดใหม่จะทำให้เทรดเดอร์เชื่อว่าแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป แต่ราคากลับทำลายโครงสร้างดังกล่าวอย่างกะทันหันและสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น หลังจากนั้นราคาจะกลับมาอยู่ในระดับใกล้กับจุดต่ำสุดก่อนหน้า ในสถานการณ์เช่นนี้ การกลับตัวในทิศทางขาขึ้นจึงเกิดขึ้น
2. รูปแบบ Quasimodo ขาลง (Bearish Quasimodo) เป็นรูปแบบตรงข้ามกับแบบขาขึ้น โดยมันจะปรากฏในช่วงสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น และทำนายการลดลงของตลาด โดยจะเกิดจุดสูงสุดที่สูงขึ้น (HH) และจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (HL) เทรดเดอร์ที่เปิดสถานะในช่วงที่ราคาเบรกเอาต์จะถูกขังด้วยจุดสูงสุดใหม่ ราคาจะทำลายโครงสร้างเดิม สร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลง (LL) จากนั้นจึงย้อนกลับไปยังระดับสูงก่อนหน้า
ทั้งสองรูปแบบจำเป็นต้องได้รับการยืนยัน — อย่ารีบเข้าทำการซื้อขายเมื่อราคาดึงกลับ
มาดูกันว่ารูปแบบ Quasimodo ทำงานอย่างไรในทางปฏิบัติในช่วงแนวโน้มขาขึ้น
1. จุด A เป็นตัวบ่งชี้แรกของการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นและแนวต้านในอนาคต สำหรับแบบจำลองขาลงของ Quasimodo นี่คือจุดสูงสุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น
2. จุด B คือการดึงกลับเพื่อปรับฐาน เนื่องจากราคาถอยกลับและสร้างจุดต่ำสุดชั่วคราว ซึ่งก่อให้เกิดเส้นคอ (neck line)
3. จุด C แสดงให้เห็นว่าราคากำลังเคลื่อนที่ขึ้น สร้างจุดสุดขั้วใหม่เมื่อเทียบกับจุด A ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่ใหม่ที่สุดสำหรับรูปแบบขาลง ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวต้านที่มีศักยภาพใหม่ในอนาคต
4. จุด D แสดงว่าราคาส่งารเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามและสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำลง ทำลายเส้นคอที่ตั้งไว้ที่จุด B ขั้นตอนนี้เป็นการยืนยันที่สำคัญของแนวโน้มที่กำลังพัฒนา
5. จุด E แสดงว่าราคากลับมาที่จุด A ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้าน โดยไม่สูงเกินจุด C ซึ่งนี่คือจุดที่เหมาะสำหรับการเข้าเทรด
นี่คือตัวอย่างของวิธีการทำงานของ Quasimodo ในแนวโน้มขาลง
1. จุด A คือจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง ซึ่งก่อให้เกิดจุดต่ำสุดรองสุดท้ายและบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับแนวโน้ม
2. จุด B คือการดึงกลับเพื่อปรับฐาน ในระหว่างนั้นจุดสูงสุดชั่วคราวถูกสร้างขึ้นและแนวต้านในแนวนอนจะถูกกำหนดขึ้น
3. จุด C แสดงว่ารากำลังตกอีกครั้งและจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าถูกสร้างขึ้น ในพื้นที่นี้เองที่แนวรับในอนาคตถูกสร้างขึ้นและการเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงก็สิ้นสุดลง
4. จุด D คือการก่อตัวของจุดสูงสุดที่สูงขึ้น จุดนี้เรียกว่าระดับ Quasimodo และมันช่วยยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น
5. จุด E แสดงว่ารากำลังย้อนกลับไปยังระดับที่จุด A จุดนี้มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับการเข้าเทรด
เทรดเดอร์จะใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อระบุรูปแบบ Quasimodo
ก่อนอื่น คุณควรให้ความสนใจกับเส้นแนวโน้มและ fractals เนื่องจากรูปแบบ Quasimodo จะก่อตัวเฉพาะในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงเท่านั้น ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยคุณทำเครื่องหมายจุดสูงสุด/ต่ำสุดของการแกว่งตัวได้
หาก RSI (Relative Strength Index) แสดงการเบี่ยงเบนที่ซ่อนอยู่ (hidden divergence) นั่นมักหมายความว่าตลาดพร้อมสำหรับการกลับตัว
สี่เหลี่ยมผืนผ้ามักจะก่อตัวเมื่อราคาเคลื่อนที่ในแนวกรอบแนวนอนระหว่างแนวรับ (ด้านล่าง) และแนวต้าน (ด้านบน) ที่ชัดเจน ซึ่งหมายความว่าราคาติดอยู่ในกรอบ (range) ในรูปแบบ Quasimodo การเคลื่อนไหวแบบออกข้างนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบที่ราคาทำการแกว่งตัวที่ล้มเหลว (จุดสูงสุดที่สูงขึ้นหรือจุดต่ำสุดที่ต่ำลงที่ไม่สามารถรับราคาเอาไว้ได้) ก่อนที่จะกลับทิศทาง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแนวโน้มที่ชัดเจนก่อนที่รูปแบบ Quasimodo จะก่อตัว
2. ซูมออกและสังเกตว่ามีจุดแตกหักในโครงสร้างหรือไม่ โดยไม่ต้องสนใจการดึงกลับเล็ก ๆ น้อย ๆ
3. สังเกตจุดต่ำสุดหรือสูงสุดที่ตามด้วยการดึงกลับ
4. รอให้ราคากลับมาถึงโซนเดิม
5. มองหาการยืนยัน เช่น RSI divergence
โปรดจำไว้ว่าไม่มีตัวบ่งชี้สากลสำหรับรูปแบบ Quasimodo ควรใช้เครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์ เช่น รวมถึงตรรกะและความอดทน การผสมผสานที่ดีของรูปแบบ Quasimodo คือการใช้ร่วมกับเส้นแนวโน้ม และความไม่สมดุลของตลาด (imbalances)
กลยุทธ์การเข้าเทรดมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของ QM มาดูกลยุทธ์สำหรับ Quasimodo ขาขึ้นกัน
1. ระบุรูปแบบ Quasimodo ในจุดสวิงที่สำคัญ A, B, C, และ D
2. เปิดสถานะ long ที่จุด A เมื่อราคากลับไปทดสอบโซนความต้องการ (demand zone) และปรับฐานลงจากจุด D
3. ตั้ง stop-loss ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของจุด C เล็กน้อยเพื่อจัดการความเสี่ยง
4. ตั้งคำสั่ง take-profit ที่จุดสูงสุดระหว่างส่วนหัวและไหล่ขวา โดยใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอย่างน้อย 1:2
ปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้สำหรับ QM ขาลง
1. ทำเครื่องหมายจุดสวิง จุด A B C และ D เพื่อกำหนดโครงสร้างการกลับตัวของ Quasimodo ซึ่งขั้นตอนนี้เหมือนกับการเทรด QM ขาขึ้น
2. เข้าสถานะขายใกล้จุด A เมื่อราคาทดสอบโซน supply อีกครั้งและเกิดการพักตัวหลังจุด D
3. ตั้งคำสั่ง stop-loss ไว้เหนือจุดสูงสุดของจุด C เพื่อจัดการความเสี่ยงฝั่งขาลง
4. ตั้งจุด take-profit ไว้ที่โซนแนวต้านก่อนหน้า หรือให้สัดส่วนความเสี่ยง/กำไรอยู่ที่ 1:2 หรือดีกว่า
แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ก็สามารถทำผิดพลาดเมื่อใช้รูปแบบ Quasimodo ได้ การตระหนักถึงความเสี่ยงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
1. ความผันผวนเพียงเล็กน้อยอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัญญาณ QM และทำให้ตัดสินใจผิดพลาด ควรพิจารณาบริบทโดยรวมเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
2. การระบุรูปแบบการเทรดเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเนื่องจากต้องอาศัยการจดจำเส้นไหล่ เส้นคอ และเส้นศีรษะ ซึ่งอาจเป็นความท้าทายสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
3. การจะเข้าซื้อขายอย่างถูกต้องนั้นต้องอาศัยความอดทน เพราะคุณจำเป็นต้องรอให้ราคาดึงกลับมาที่ระดับไหล่ซ้ายเสียก่อน
4. จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อยืนยันรูปแบบ เช่น RSI หรือ moving averages ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เพิ่มเติม
5. การเข้าออเดอร์แบบอุกอาจอาจนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างรุนแรง คุณจำเป็นต้องรอสัญญาณยืนยัน
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ QM อย่างหุนหันพลันแล่นและโดยไม่มีสัญญาณยืนยัน พร้อมทั้งตั้งคำสั่ง stop-loss และ Take Profit ไว้เสมอ
โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก